เทศกาลฤดูร้อนในโตเกียวที่ควรไปสักครั้ง (ตอนที่ 2 เทศกาลทานาบาตะ)

ฤดูร้อนของญี่ปุ่นเป็นช่วงที่มีเทศกาลรื่นเริงน่าไปชมสักครั้ง อย่างงานอาซาคุสะแซมบ้าคาร์นิวัล (ที่เขียนไปเมื่อครั้งก่อน >> http://bit.ly/samba_asakusa) เทศกาลดอกไม้ไฟริมแม่น้ำสุมิดะ เทศกาลร่ายรำแบบญี่ปุ่น เทศกาลทานาบาตะ ฯลฯ

บรรยากาศที่หนุ่มสาวใส่ชุดยูคาตะสีสันสวยงาม กินน้ำแข็งไส ชมดอกไม้ไฟ เดินเล่นในงานวัดญี่ปุ่นเหมือนที่เคยอ่านจากมังงะ หากว่าได้ไปอยู่ในบรรยากาศจริง จิบเบียร์วุ้นเย็นชื่นใจยามค่ำคืนในฤดูร้อนริมแม่น้ำคงเป็นอะไรที่ฟินมาก

และเทศกาลฤดูร้อนที่อยากแนะนำอีกหนึ่งงานก็คือ เทศกาลทานาบาตะ (七夕まつり) ซึ่งตรงกับวันที่ 7 เดือน 7 ตามตำนานความเชื่อของจีน (แต่เดือน 7 ตามปฏิทินจีนจะจัดตรงกับเดือนสิงหาคม)

เทศกาลทานาบาตะที่มีชื่อเสียงที่สุดในญี่ปุ่น คือ เทศกาลเซนไดทานาบาตะ (仙台七夕まつり) ที่จังหวัดมิยางิ จะจัดวันที่ 6-8 สิงหาคมของทุกปี โดยจัดมาตั้งแต่สมัยเอโดะ ยาวนานกว่า 400 ปี แล้ว

ส่วนในโตเกียว เทศกาลชิตามาจิทานาบาตะ (下町七夕まつり) ก็เป็นงานหนึ่งที่ไม่ควรพลาด สองข้างทางของถนนคัปปะบาชิฮอนโดริตลอดความยาว 1.2 กิโลเมตร จะตกแต่งด้วยธงหลากสีสวยงาม มีการออกร้าน มีขบวนพาเหรด การแสดงต่างๆ อาทิ โชว์ตีกลองไทโกะ โชว์ดีดชามิเซ็น การร่ายรำอาวะโอโดริ ฯลฯ เป็นเวลา 5 วัน

หากปีหน้าใครมีแพลนไปโตเกียว งานจะจัดในช่วง 5-9 กรกฎาคม ปี 2020 แต่ละวันงานจะเริ่มราวๆ 11:00-18:00 น. ช่วงใกล้ๆ วันงานสามารถเช็คตารางการแสดงได้ที่ http://shitamachi-tanabata.com/index.html (เป็นภาษาญี่ปุ่น)

ทุกคนคงเคยได้ยินตำนานวันทานาบาตะกันมาบ้างว่าทุกวันที่ 7 เดือน 7 นกกระเรียนจะเรียงตัวกันเป็นสะพานเพื่อให้ดาวเจ้าหญิงทอผ้า (โอริฮิเมะ 織姫) หรือดาวเวกา กับดาวชายเลี้ยงวัว (ฮิโคโบชิ 彦星) หรือดาวอัลแตร์ สามารถข้ามทางช้างเผือกมาพบกันได้ปีละครั้ง จากตำนานปาฏิหาริย์แห่งรักนี้ก็กลายเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้คนขอพรจากดวงดาวเพื่อขอให้คำอธิษฐานของตนได้สมหวังบ้าง จึงเขียนคำอธิษฐานลงกระดาษทันซากุ (短冊) ที่มี 5 สี แล้วเอาไปห้อยที่กิ่งไผ่ วันรุ่งขึ้นเอาไปลอยน้ำเพื่อให้คำอธิษฐานลอยไปถึงทางช้างเผือก



บรรยากาศที่หนุ่มสาวใส่ชุดยูคาตะสีสันสวยงาม กินน้ำแข็งไส ชมดอกไม้ไฟ เดินเล่นในงานวัดญี่ปุ่นช่วงเทศกาลทานาบาตะ

และว่ากันว่าหากวันนั้นฝนตก นกกระเรียนไม่บินมา เขากับเธอจะไม่ได้พบกัน คำอธิษฐานที่ขอก็จะไม่เป็นจริง แล้วปีนั้นที่เราตั้งใจไป...วันที่ 7 เดือน 7 ฝนตกทั้งวัน เลยต้องหาที่หลบฝนแถวๆ อาซาคุสะ ยังเดินไปไม่ถึงถนนคัปปะฯ ตอนที่ฝนหยุดตกก็เย็นย่ำแล้วเลยลองถามคนญี่ปุ่นแถวนั้นว่ามีที่ไหนใกล้ๆ ที่จัดงานนี้บ้างมั้ย ก็ได้รับคำตอบว่าให้ลองไปดูที่วัดเซนโซจิ

พอไปถึงก็เห็นทีมงานเริ่มเก็บบูธ เก็บข้าวของกันแล้ว ผู้คนบางตาต่างจากปกติที่มองไปทางไหนก็เห็นแต่นักท่องเที่ยว สุดท้ายเดินไปเจอ “ศาลเจ้าอะซาคุสะ” เห็นว่ามีกระดาษหลากสีห้อยกิ่งไผ่อยู่ ก็รีบพุ่งตัวไปที่กล่องใส่กระดาษ โชคดีที่แต้มบุญยังพอมี เหลือกระดาษใบสุดท้ายติดอยู่ก้นกล่อง ดีใจสุดๆ แต่ก็เกิดลังเลเพราะไม่รู้จะเขียนขออะไรดี พลันหางตาเหลือบไปเห็นสาวญี่ปุ่นสองคนเดินใกล้เข้ามา ทีนี้ไม่ลังเลละ แผ่นสุดท้าย...หยิบไปเหอะ อุตส่าห์มาทั้งที ^^

“ศาลเจ้าอาซาคุสะ” (浅草神社) เป็นศาลเจ้าชินโตที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งในโตเกียว และเป็นสถานที่จัดงานเทศกาลใหญ่ที่สุดงานหนึ่งของโตเกียว คือ เทศกาลซันจะ (三社祭) ซึ่งเป็นเทศกาลแห่เกี้ยวมิโคชิ (ที่สิงสถิตของเทพเจ้า) จะจัดทุกปีปลายเดือนพฤษภาคม เราเองมาที่นี่หลายครั้ง แต่ไม่เคยรู้เลยว่าในวัดมีศาลเจ้าชื่ออาซาคุสะอยู่ด้วย

ศาลเจ้านี้สร้างโดยโชกุนผู้โด่งดัง “โทคุกาวะ อิเอมิสึ” ในสมัยเอโดะ เพื่ออุทิศให้เป็นที่สถิตของดวงวิญญาณบุคคลสำคัญ 3 ท่าน คือ สองพี่น้องชาวประมงที่พบรูปหล่อคันนอนหรือพระโพธิสัตว์กวนอิมทองคำ กับเศรษฐีใจบุญผู้บริจาคทรัพย์สินจำนวนมากเพื่อสร้างวัดเซนโซจิ ทั้ง 3 ท่านจึงเปรียบเสมือนเป็นเทพเจ้า 3 องค์ (เทพเจ้าซันจะ 三社様) ของศาลเจ้าแห่งนี้
“ศาลเจ้าอาซาคุสะ” (浅草神社) เป็นศาลเจ้าชินโตที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งในโตเกียว และเป็นสถานที่จัดงานเทศกาลใหญ่ที่สุดงานหนึ่งของโตเกียว คือ เทศกาลซันจะ (三社祭) ซึ่งเป็นเทศกาลแห่เกี้ยวมิโคชิ (ที่สิงสถิตของเทพเจ้า)"ขอบคุณที่พาตัวเองออกจากกรอบเงื่อนไขและข้ออ้างต่างๆ แล้วเดินทางมาญี่ปุ่นได้สำเร็จในที่สุด ขอให้ได้พบมิตรภาพที่ดีตลอดการเดินทางในญี่ปุ่น”

...คำอธิษฐานที่เราได้เขียนไปในวันนั้น เมื่อนึกย้อนกลับไปก็รู้สึกดีใจและขอบคุณตัวเองจริงๆ เพราะถ้ามัวแต่รอให้ทุกอย่างพร้อม ทริปนั้นก็คงไม่มีวันเกิดขึ้นและกลายเป็นจุดเริ่มต้นของทริปต่อๆ มา