ตะลุยเซ็นได เมืองแห่งของอร่อยในจังหวัดมิยางิ

ในปัจจุบันนี้ ภูมิภาคโทโฮคุเองก็เริ่มมีนักท่องเที่ยวชาวไทยทยอยกันมาเที่ยวกันเป็นจำนวนมาก ซึ่งเมือที่ยอดฮิตเลยก็คือทางด้านเมืองเซ็นไดนี่แหละ แต่ว่าหลายคนอาจจะยังไม่เคยได้มาเที่ยว ในครั้งนี้เราเลยขออาสาพาเที่ยวเมืองเซ็นไดกันจ้า

เซ็นได เป็นเมืองเอกของจังหวัดมิยางิ ที่ตั้งอยู่ทางด้านตอนเหนือของประเทศญี่ปุ่นหรือว่าโทโฮคุ ซึ่งมีประชากรอาศัยอยู่ 1 ล้านคนเลยทีเดียว ถึงแม้ว่าจะเป็นเมืองใหญ่ที่ทันสมัย แต่ว่าก็ยังมีความเป็นธรรมชาติผสมกลมกลืนกันอยู่ นอกจากจะมีสถานที่ท่องเที่ยวและสิ่งที่น่าสนใจอยู่มากมายแล้ว ยังมีอาหารอร่อยๆ อีกมากมายเลย

การเดินทางมายังเมืองเซ็นไดนั้นก็เรียกว่าง่ายมากๆ สามารถนั่งเครื่องบินมาลงที่สนามบินเซ็นไดได้เลย ซึ่งมีเที่ยวบินตรงเหมือนกันแต่ว่าจะหายากหน่อยนะ ส่วนใหญ่จะต้องไปเปลี่ยนเครื่องเป็น Domestic ที่นาริตะไม่ก็คันไซจ้า หรือว่าจะลงที่โตเกียวและต่อรถไฟมาที่เซ็นไดก็ยังได้เช่นกัน





เมื่อถึงสนามบินเซ็นไดแล้ว เราจะเริ่มต้นการเดินทางไปยังสถานีเซ็นได ซึ่งเป็นศูนย์กลางแห่งการคมนาคมของเมืองเซ็นไดซะก่อน ซึ่งเราจะเดินทางโดยการนั่งรถไฟ ซึ่งสถานีนั้นเชื่อมต่อกับสนามบินเลย ง่ายมากๆ



และแล้วก็มาถึงสถานีเซ็นไดกันเป็นที่เรียบร้อย นับว่าเป็นสถานีที่ค่อนข้างใหญ่และเป็นศูนย์กลางแห่งการคมนาคมของเมืองเลย นอกจากนั้นยังมีร้านค้าอยู่มากมายถายในสถานีทั้งร้านอาหารรวมไปถึงของฝาก แถมยังใกล้สถานที่ช็อปปิ้งด้วย เรียกว่าครบครันมากๆ


ของฝากเยอะมากๆ เรียกว่าไม่ต้องไปหาที่สนามบินเลย



เหล่าร้านขายของและร้านอาหารก็มีกันมาพร้อมๆ






ก่อนอื่นเราอยากจะแนะนำที่แห่งนี้กันก่อน นั่นก็คือ Tourist Information Center ซึ่งอยู่ในสถานีเซ็นได เรียกว่าอยากรู้อะไรให้มาที่นี่ มีคำตอบให้คุณหมด ทั้งสถานที่ท่องเที่ยว, โรงแรม, การเดินทาง และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งเจ้าหน้าที่ของที่นี่ยินดีต้อนรับทุกท่าน สามารถสอบถามได้โดยไม่ต้องเกรงใจเลย และเจ้าหน้าที่ก็สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ ขอให้เที่ยวเซ็นไดอย่างสบายใจได้เลย






ฮั่นแน่ คู่มือภาษาไทยก็มีนะจ๊ะ


เอาล่ะ ก่อนสิ่งอื่นสิ่งใด เราไปหาของอร่อยทานกันก่อน 5555 ที่เมืองเซ็นไดนั้นมีของอร่อยอยู่มากมาย มิใช่แต่เพียงลิ้นวัวเท่านั้น เราจะเดินทางไปทานราเม็งกันซึ่งอยู่ไกลมากๆ ....... อยู่ในสถานีเซ็นไดนี่แหละ 555 เดินไม่กี่ก้าวก็ถึงแล้วจ้า

ร้านราเม็งร้านนี้มีชื่อว่า Honkamado เป็นร้านราเม็งที่มีซุปสูตรเด็ดอร่อยไม่เหมือนใคร ปรุงโดยเจ้าของร้านที่มีประสาทสัมผัสเรื่องรสชาติดีเยี่ยม เนื่องจากในอดีตเขาเคยเป็นนักชิมไวน์มาก่อน และผันมาเปิดร้านราเม็ง โดยแป้งที่ใช้ทำเส้นนั้นใช้แป้งสาลีจากผลผลิตของจังหวัดฮอกไกโด



ราเม็งที่นี่มีด้วยกันหลากหลาย ได้แก่โชยุ, ชิโอะ, ชิโอะยุสุ, ตันตันเม็ง, ทสึเคเม็ง, ซึ่งที่นี่มีเอกลักษณ์อย่างนึงที่ร้านราเม็งส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีก็คือ มีเกี๊ยวกุ้งใส่ลงไปด้วย ยังกับชายสี่หมี่เกี๊ยว 55555



ลังเลอยู่นาน ก็ตัดสินใจสั่งชิโอะยุสุมา ซึ่งเป็นซิกเนเจอร์ของที่นี่ เส้นของที่นี่จะเป็นเส้นแบบเรียวเล็ก มีความแข็งกำลังดี ส่วนนํ้าซุปนี่ดีเด็ดมาก เป็นซุปเกลือรสชาติพอดิบพอดี ผนวกกับกลิ่นหอมและรสชาติอ่อนๆ ของส้มยุสุได้อย่างลงตัวมากๆ เรียกว่าซดเพลินได้หมดชามแบบไม่เลี่ยนเลย





เอาล่ะ อิ่มท้องกันแล้ว เรามาเริ่มเดินทางกันเลย โดยเราจะเดินทางด้วยรสบัส Loople Sendai ซึ่งขึ้นได้จากป้ายตรงสถานีเซ็นไดเลย ซึ่ง Loople Sendai นับว่าเป็นรถบัสสายหลักที่ผ่านสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย และเป็นเป็นรถบัสที่ออกแบบมาได้สวยงามแบบคลาสสิค น่ารักเลยทีเดียวล่ะ





ขึ้นมาแล้วไม่ต้องกลัวอ่านไม่ออก ฟังไม่ได้ เพราะเขามีจอมอนิเตอร์บอกชื่อป้ายรสบัสเป็นภาษาอังกฤษ ฉะนั้นหายห่วงได้เลยจ้า





ที่แรกที่เรามาก็คือศาลเจ้า Osaki Hachimangu เป็นศาลเจ้าที่ ดาเตะ มาซามุเนะ แม่ทัพที่โด่งดังในยุคเซ็นโกคุ สร้างขึ้นเมื่อปี 1607 เพื่อบูชาเทพเจ้าฮาจิมัง ด้วยสถาปัตยกรรมที่เก่าแก่ของที่นี่ จึงถูกบันทึกให้เป็นสมบัติแห่งชาติของประเทศญี่ปุ่น



มาถึงหน้าทางเข้าอาคารหลักเราจำได้พบกับวงฟางประหลาดอยู่วงหนึ่ง ซึ่งจะมีเฉพาะบางช่วงเวลาเท่านั้น นั่นก็คือ Kayanowa วงฟางประกอบ 「Minazuki Oharaishiki」พิธีทางชินโตเมื่อเข้าเดือนมิถุนายน เชื่อกันว่าหากเดินข้ามฟางและวนครบทั้ง 4 รอบ จะทำให้มีอายุยืน





มาถึงตัวอาคารหลักของศาลเจ้า เรียกได้ว่ามีความสวยงามแตกต่างจากที่อื่นเนื่องจากเป็นสถาปัตยกรรมเก่าแก่ของพื้นที่ ซึ่งก็เปิดให้บุคคลทั่วไปมาทำการสักการะ และมีการจัดงานวันทานาบาตะที่ยิ่งใหญ่ในช่วงเดือนสิงหาคมด้วย


เหล่าผู้คนแวะเวียนมาขอพรกันมากมาย





เหล่าเครื่องรางมากมาย รวมไปถึงตุ๊กตาดารุมะสีฟ้าอันแสนสะดุดตา



ช่วงที่เราไปเป็นช่วงวันทานาบาตะพอดี จึงมีผู้คนมาขอพรมากมาย ที่เมืองเซ็นไดนั้นจะมีการจัดงานทานาบาตะที่ยิ่งใหญ่และมีชื่อเสียงอย่างมากในช่วงเดือนสิงหาคม






จากนั้นเราก็ได้เดินทางกลับมายังแถวสถานีเซ็นได เพื่อตะลุยแหล่งช็อปปิ้งกันต่อ เสน่ห์ของเมืองเซ็นไดที่ชอบมากๆ ก็คือความร่มรื่นนั่นเอง เมืองเซ็นได้รับการขนานนามว่าเป็นเมืองแห่งต้นไม้ เพราะว่าตามถนนเส้นหลักทั้ง 5 เส้นของเมืองหรือ Aoba dori และ Josenji dori นั้น จะมีการปลูกต้นเซลโคว่าเรียงรายสองข้างทางของถนนทั้งเส้น ให้ความรู้สึกร่มรื่นมาก ถ้าเทียบกับของกรุงเทพก็อารมณ์ประมาณถนนวิทยุเลย





สถานที่ๆ เราจะมาช็อปปิ้งและหาของอร่อยๆ ทานก็คือย่านช็อปปิ้ง Ichibancho นั่นเองจ้า เป็นถนนทอดตัวยาวและมีเหล่าร้านค้ามากมายอยู่สองข้างทาง ให้ได้เลือกช็อปกันเพลินๆ ไม่ว่าจะเป็นของแบรนด์เนม, เสื้อผ้า, รองเท้า, ร้านขายยา, ร้านอาหาร มีครบจบในเส้นเดียวเลย




จะแบรนด์ถูกแบรนด์แพงแบรนด์หรู มีให้เลือกแบบครบๆ




แต่ก่อนอื่น ในย่านนี้จะมีสถานที่ลึกลับแอบซ่อนตัวอยู่ ก็คือศาลเจ้างูนั้นเอง โดยก่อนจะทำการซื้อของ ชาวญี่ปุ่นบางคนจะเดินมาบูชาและนำกระเป๋าเงินมาถูที่หินรูปงู จะได้มีโชคในเรื่องของเงินทองนั่นเองจ้า









เอาล่ะ เรามาเริ่มหาของอร่อยกันเลย ซึ่งไม่ได้มีทีเด็ดแค่ลิ้นวัวย่างเท่านั้น แต่ยังมีอย่างอื่นอีกมากมาย เรามาเริ่มกันที่ร้านแรกซึ่งเป็นร้านขายเนื้อเก่าแก่ที่ชื่อว่า Hamaya ที่นี่มีของอร่อยอยู่อย่างหนึ่งที่มีขายที่นี่ที่เดียวเท่านั้น ได้แก่ กิวตันบอล เป็นลูกชิ้นที่ผสมกับลิ้นวัวสับและนำไปทอดกรอบ อร่อยมากๆ เลย เป็นเมนูชื่อดังที่ออกรายการทีวีอยู่บ่อยครั้ง







ต่อมาเรามาทานกันต่อกับ Zunda หรือถั่วแระบด ของขึ้นชื่อจากเซ็นไดที่นำมาเป็นส่วนประกอบของขนมหวานมากมาย ไม่ว่าจะเป็นโมจิ, ไทยากิ, พุดดิ้ง หรือว่าซอฟต์ครีม เราเลยลองอันที่น่าจะอร่อยที่สุดเลย ก็คือ ซอฟต์ครีม Zunda นั่นเอง โดยเราซื้อที่ร้านชาแห่งหนึ่ง พบว่าไอ้เจ้า Zunda มันเข้ากับขนมหวานได้ดีมากๆ เลย มีสัมผัสที่กรุบกรอบอร่อย อันนี้บรรยายยากหน่อยแต่บอกได้ว่าอร่อยแน่นอน มาลองทานกันดู อิอิ





เดินมาเรื่อยเราก็พบกับสิ่งที่น่าสนใจ เป็นตรอกที่มีร้านเหล้าและร้านขายของเล็กๆ เรียงรายอยู่มากมาย นั่นก็คือ บุงกะโยโกโฉะ และ อิโรฮะโยโกโฉะ ให้บรรยากาศเหมือนกับญี่ปุ่นในสมัยก่อนดี 








บรรดาร้านมากมายถูกรวมไว้ในตรอกเล็กๆ แห่งนี้ ในช่วงกลางคืนจะคึกครื้นมากๆ








ของอร่อยอย่างต่อมาก็คือขนมที่ชื่อว่า เฮียวตันอาเกะ เป็นแป้งทอดสอดไส้กับลูกชิ้นปลาคามาโบโกะ ซึ่งมีขายอยู่ที่ร้าน Abe Kamaboko Ten ร้านเดียวเท่านั้น  ขอบอกว่าหน้าตาแล้วก็รสชาตินั้นคล้ายกับขนมโป๊งเหน่งบ้านเรามากๆ 555 โดยจะทานกับซอสมะเขือเทศหรือซอสพริก ตัวแป้งนั้นหวานกรอบอร่อย บวกกับรสชาติของลูกชิ้นปลาคามาโบโกะมีรสชาติเค็มนิดๆ ด้วยความอร่อยนี้ทำให้มีผู้คนแวะเวียนมาทานกันอย่างไม่ขาดสายเลยล่ะ





ยังๆ เรื่องของกินยังไม่หมดเพียงเท่านี้ ต่อมาเราจะลุยกันต่อที่ตลาดเช้าที่มีชื่อว่า Asa Ichi ซึ่งเป็นตลาดเช้าที่มีชื่อเสียงอย่างมากของเมืองเซ็นได 













ตลาดแห่งนี้มีของขายอยู่มากมาย ทั้งของสด, ของแห้ง, ผัก, ผลไม้, อาหารทะเล แถมมีราคาที่ถูกแสนถูก ใครชอบอาหารทะเลนี่บอกเลยว่าทั้งสดอร่อยและราคาถูก เพราะเซ็นไดเป็นเมืองที่ติดทะเลนั่นเอง และที่นี่ก็มีอุนิ ที่แกะกันสดๆ ให้รับประทานเลย ขอบอกว่าอร่อยมากๆ ไม่มีกลิ่นเหม็นที่ใครกลายๆ คนไม่ชอบเลย



อันนี้เขาเรียกว่า Hoya หรือว่าสัปปะรดทะเล คนญี่ปุ่นชอบกันมาก แต่หน้าตาแบบว่าดูน่ากลัวนิดๆ แถมคนไทยไม่ค่อยรู้จักด้วย 55 เป็นอย่างไร เดี๋ยวไปชมที่ด้านท้ายเลย

และด้วยความที่เซ็นไดเป็นเมืองที่มีอาหารทะเลที่สด สถานที่ต่อไปที่เราจะไปก็คือ...... ร้านซูชินั่นเอง 5555 อาหารที่คนไทยโปรดปรานเป็นที่สุด ถึงแม้ว่าอิมเมจของคนไทยจะนึกถึงโตเกียวเวลาพูดถึงซูชิ แต่จริงๆ แล้วที่เซ็นไดนั้นก็มีซูชิอร่อยไม่แพ้กับที่โตเกียวเลย

ร้านนี้เป็นร้านที่มีชื่อว่า Umai Sushi Kan Sohonten เป็นร้านซูชิเก่าแก่ที่ผู้คนในเมืองยกนิ้วให้ในเรื่องของความอร่อย มีเมนูให้เลือกกันอย่างมากมาย บอกได้เลยว่าวัตถุดิบสดและอร่อยมากๆ






หอยนางรมตัวเขื่องสดๆ เพลินลิ้นสุดๆ ที่เมืองเซ็นไดนั้นมีชื่อเสียงในเรื่องของหอยนางรมที่อร่อยมากๆ เช่นกัน




ก่อนจะจากลากันในวันนี้ เรามาพูดถึงเจ้า Hoya ที่ทิ้งไว้เป็นปริศนาเมื่อก่อนหน้านี้กัน เนื่องจากชาวญี่ปุ่นแนะนำให้ลองทานดู เราก็เลยสั่งมาทานแบบซาชิมิที่ชาวญี่ปุ่นทานกัน บอกเลยว่า มัน.....ไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่ 5555 มันมีกลิ่นและรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์มากๆ แบบอธิบายไม่ถูก เอาเป็นว่าใครอยากลองก็ไปลองพิสูจน์กันได้

ตื่นเช้ามาเข้าสู่วันที่สอง (เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก 5555) เราก็จะมาลุยกันต่อกับสถานที่ยอดฮิตที่เรียกได้ว่าคนที่มาเซ็นไดต้องมาเที่ยวที่นี่กันทุกคน นั่นก็คือ ซากปราสาทเซ็นได นั่นเองจ้า



ปราสาทเซ็นได หรือปราสาทอาโอบะ นั้นถูกสร้างขึ้นเมื่อปี 1600 โดย ดาเตะ มาซามุเนะ เนื่องจากป่านเหตุการณ์ไฟไหม้และโดนระเบิดในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ทำให้ปัจจุบันเหลือแต่ซากที่เป็นตอของเสาหลักตัวปราสาท และหินของปราสาทเพียงนิดหน่อยเท่านั้น






ปัจจุบันเหลือแต่พื้นที่ตอเสาหลักเท่านั้น




ในพื้นที่ปราสาทได้มีการจัดแสดงพิพิธภัณฑ์ของตัวปราสาท ซึ่งมีเรื่องราวประวัติความเป็นมาของตัวปราสาทไว้อย่างครบถ้วน สำหรับผู้ที่สนใจเรื่องประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นนับว่ามีประโยชน์มาก เพราะเราจะได้เรียนรู้วิธีคิดและภูมิปัญญาของชาวญี่ปุ่นสมัยก่อนไปในตัวด้วย






ภายในมีการจัดแสดงปราสาทจำลอง, โฮโลแกรมปราสาท รวมไปถึงวิดีโอประวัติของปราสาทเซ็นไดที่มีเครื่องฟังบรรยายเป็นภาษาอังกฤษด้วย






พื้นที่ข้างก็จะมีแลนด์มาร์คแห่งเมืองเซ็นไดตั้งอยู่ นั่นก็คือรูปปั้นของ ดาเตะ มาซามูเนะ ที่ทุกคนที่มาจะต้องถ่ายรูปกันทุกคน แถมพื้นที่ตรงนี้ยังเป็นจุดชมวิว สามารถมองเห็นตัวเมืองเซ็นไดได้ด้วย


อีกด้านหนึ่งของพื้นที่ ได้ถูกสร้างเป็นศาลเจ้าที่มีชื่อว่า ศาลเจ้า Gokoku ซึ่งมีสถาปัตยกรรมที่สวยงามเลยทีเดียว








ที่สุดท้ายที่เราจะไปในทริปเซ็นไดในครั้งนี้คือการเรียนรู้เรื่องศิลปะด้วย การทำตุ๊กตาโคเคชิ ซึ่งเป็นตุ๊กตาที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน และถิ่นกำเนิดในภูมิภาคโทโฮคุนี้กัน







ร้านแห่งนี้มีชื่อว่า Shimanuki เป็นร้านขายของเล่นโบราณและของที่ระลึกที่อยู่ที่ย่านช็อปปิ้ง Ichibancho ซึ่งภายในร้านนั้นนอกจากจะมีของที่ระลึกมากมายและของเล่นเกี่ยวกับเจ้าตุ๊กตาโคเคชิแล้ว เรายังสามารถทำตุ๊กตาโคเคชิได้ที่นี่ด้วยนะ





วิธีทำก็คือ ทางร้านก็จะมีตุ๊กตาโคเคชิเปล่าๆ มาให้เราเลือกว่าชอบขนาดไหน จากนั้นก็จะมีอุปกรณ์ในการวาดมาให้อย่างครบเครื่องครบทุกสีให้เราได้แต่งแต้มจินตนาการได้ตามใจชอบเลย โดยแรกเริ่มนั้นเราจะต้องทำการดราฟรายละเอียดด้วยดินสอเสียก่อน พอได้ตามที่ต้องการแล้วค่อยลงหมึกตัดเส้นและลงสีตามลำดับเหมือนกับการวาดรูปเลย









ตุ๊กตาโคเคชิ เป็นของเล่นที่มีประวัติมายาวนานมากๆ คาดว่าอยู่ในช่วงยุคสมัยเอโดะ 1600–1868 เป็นตุ๊กตาที่ทำจากไม้แกะสลักไม่มีขาและแขน มีความแตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ในภูมิภาคโทโฮคุ แต่แบบที่เป็นที่นิยมและเป็นที่รู้จักมากที่สุดก็คือรูปแบบ Naruko ที่ถือกำเนิดขึ้นในจังหวัดมิยางินี้นี่เอง (เตือนความจำ เซ็นไดเป็นเมืองในจังหวัดมิยางินะจ๊ะ)

เป็นยังไงบ้าง สำหรับเมืองเซ็นไดแห่งจังหวัดมิยางิ เรียกได้ว่าเป็นประสบการณ์ในการเที่ยวญี่ปุ่นที่ดีเลยล่ะ แต่บอกว่าก่อนว่ายังมีสิ่งที่น่าสนใจอยู่อีกมากมายเลย แต่ว่าเราจะต้องไปจังหวัดยามากาตะกันแล้ว อิอิ แต่ว่าเราจะกลับมาเก็บตกที่นี่กันอีกแน่นอน ยังไงก็ติดตามชมกันให้ดี