โอบันยากิ ขนมสไตล์ญี่ปุ่นที่น่าลิ้มลอง (❀」╹□╹)」*・

ในช่วงผ่านๆ มานี้หลายๆ คนอาจจะเริ่มพบเห็นขนมทรงกลมสีเหลืองทองชิ้นหนาๆ สอดไส้ถั่วแดง หรือครีมคัสตาร์ดกันมาบ้างใช่ไหมคะ? วันนี้เราจะมาทำความรู้จักเจ้าขนมที่ว่านี้กันค่ะ แต่สำหรับใครที่ยังนึกภาพไม่ออก เดี๋ยวอ่านคอลัมน์นี้ไป ดูภาพไปรับรองว่าหลายคนต้องถึงบางอ้อกันแน่ๆ เชียวล่ะค่ะ เอาล่ะ! เข้าเรื่องกันเลย (σ゚∀゚)σ

 

4681488560_f7082000d3_b

 

โอบันยากิ (大判焼き : Obanyaki ) เป็นชื่อเรียกของขนม อิมะงาวะยากิ (今川焼き : Imagawayaki) ของคนในแถบคันไซค่ะ โอบันยากิหรืออิมะงาวะยากินั้นถูกขายครั้งแรกที่อยู่ใกล้สะพานอิมะงาวะใน สมัยเอโดะราวๆ ปี ค.ศ. 1772 – 1781 จึงกลายเป็นที่มาของชื่อขนมอิมะงาวะยากินั่นเอง

สำหรับชื่อโอบันยากินั้น คำว่าโอบัน (大判: Ooban) ในภาษาญี่ปุ่นหมายถึง เหรียญโอบันซึ่งเป็นเหรียญกษาปณ์นิยมทำจากทองมีทรงรีที่นิยมใช้กันในสมัยโทคุกาว่า ซึ่งคาดคะเนได้ว่ารูปลักษณ์ดั้งเดิมของโอบันยากินั้นอาจจะมีสีและลักษณะ คล้ายเหรียญโอบันนั่นเอง ซึ่งในปัจจุบันก็มีการปรับเปลี่ยนรูปร่างกันไปตามยุคสมัย ตอนนี้ที่เห็นกันทั่วไปก็มันจะเป็นทรงกลมค่ะ แต่ว่าทรงสามเหลี่ยมก็มีอยู่เหมือนกันนะ ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับรูปทรงของแม่พิมพ์ค่ะ

 


พอเห็นแม่พิมพ์แบบนี้มีใครนึกถึงเหรียญโอบันกันบ้างคะ นี่อาจจะเป็นที่มาของชื่อโอบันยากิก็เป็นได้นะ!


   IMG_0505


ส่วนอันนี้เป็นทรงกลมที่มักพบเห็นกันบ่อยในปัจจุบันค่ะ


 

โอบันยากิทำมาจากส่วนผสมของแป้ง ไข่ และน้ำตาล เมื่อนำมาผสมจนเป็นเนื้อเดียวกันแล้วจะเทใส่ลงบนกระทะหลุมที่ทำขึ้นเป็นพิเศษ และจากนั้นจึงใส่ใส้ถั่วแดง(ซึ่งเป็นไส้ออริจินัลสำหรับขนมญี่ปุ่น) ครีมคัสตาร์ด ผลไม้ต่างๆ แล้วนำแป้งมาประกบกันจนได้กลายออกมาเป็นขนมสีเหลืองทองชิ้นหนา ปัจจุบันนี้ก็ได้มีการแต่งแต้มสีสันรสชาติต่างๆ ออกมาให้คนทานอย่างเราๆ ได้ลองรสชาติแปลกใหม่กันบ้าง อย่างเช่นรสชาเขียว รสเผือก หรืออย่างรสเค็มมาประยุกต์ให้เข้ากับโอบันยากินชนิดที่ว่าแค่ทานก็รับรองว่าต้องเต็มปากเต็มคำแน่ๆค่ะ ( ´っ•ч•c` )

4680858643_166d66077a_b

 

ไขข้อสงสัย : แล้วโอบันยากิ กับโดรายากิล่ะมันคือขนมชนิดเดียวกันรึเปล่า?
ถึงแม้ว่าเบสของส่วนผสมจะเป็นแป้ง ไข่ น้ำตาล และใส้ถั่วแดงเหมือนกัน แต่มีความต่างกันในสองเรื่องหลักๆค่ะ เรื่องแรกคือเรื่องของหน้าตาค่ะ โอบันยากินันตัวแป้งนั้นจะติดกัน ส่วนโดรายากินั้นจะมีลักษณะคล้ายแป้งแพนเค้กสองแผ่นใส่ไส้ถั่วแดงแล้วนำแป้งมาประกอบกันอีกทีค่ะ เรื่องที่สองคือ วิธีการทานค่ะ โอบันยากินิยมทานกันตอนที่ยังร้อนๆ เพราะโอบันยากินั้นเวลาทานตอนร้อนๆผิวนอกจะมีความกรอบนิดๆ ในขณะที่โดรายากินั้นมันจะนิยมทานกันเมื่อเย็นแล้วนั่นเอง เท่านี้ก็พอจะคลายสงสัยเพื่อนๆกันได้บ้างไหมคะ? ✧٩(ˊωˋ*)و✧

 

เป็นยังไงกันบ้างคะกับโอบันยากิขนมสีเหลืองทองชิ้นหนาๆน่าทาน พูดตามตรงจากประสบการณ์ที่เคยไปญี่ปุ่นมา โอบันยากิเป็นขนมญี่ปุ่นที่ไม่ค่อยจะพบเจอบ่อยซักเท่าไหร่(อาจจะเป็นเพราะกระรอกนุ๊ยไปไม่ถึงแหล่งก็เป็นได้...)

จะบอกว่าสำหรับเมืองไทยบ้านเรานี่ก็มีร้านโอบันยากิสัญชาติญี่ปุ่นให้ทุกคนได้ลองชิมเหมือนกันนะคะ ไม่ต้องเดินทางตามหาไปถึงญี่ปุ่น ทานแค่ชิ้นเดียวก็อยู่ท้อง แถมมีให้เลือกทั้งรสคาวหวานอีกต่างหาก ใครที่ใกล้เซ็นทรัลลาดพร้าวหรือแวะไปทานข้าวช๊อปปิ้งที่นั่นบ่อยๆ ก็อย่าลืมลองแวะไปที่ร้าน DADAYA ร้านตั้งอยู่ที่ชั้น G บริเวณหน้าท็อปส์ซุปเปอร์มาร์เก็ตค่ะ อยากดูข้อมูลว่าร้านเค้าหน้าตาเป็นยังไง ร้านเค้ามีรสอะไรให้เลือกทานได้บ้างก็ตามมาชมได้ที่นี่ได้เลยจ้า งานนี้ต้องขออวยหนักๆหน่อยเพราะของเขาอร่อยจริง(กระรอกนุ๊ยทานบ่อยมากตั้งแต่เค้าเปิดร้านที่เซ็นเตอร์วันใหม่ๆเลยนะ ขอบอก! *:゚*。⋆ฺ(*´◡`))

สำหรับวันนี้กระรอกนุ๊ยต้องขอลาไปก่อน พบกันใหม่คอลัมน์หน้า สวัสดีค่า (*⌒∇⌒*)

 

ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก :
http://www.mrslinskitchen.com
http://ja.wikipedia.org
http://dueminutispesibene.blogspot.com
http://www.roboppy.net
http://www.rinchupeco.com
http://www.myinnerfatty.com

 

by กระรอกนุ๊ย (*・∀-)☆