ตอนนี้ก็ต้องบอกเลยว่าตอนนี้ก็มีน้อยคนนักที่จะไม่รู้จักเจ้าคุมะมง มาสคอตหมีเกรียนตัวพ่อจากจังหวัดคุมาโมโตะที่ยังเป็นกระแสในบ้านเราอย่างต่อเนื่องกับความน่ารักปนยียวนกวนประสาททำเอาหลายๆ คนตกหลุมรัก นับว่าเป็นความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของทางจังหวัดคุมาโมโตะ ในประเทศญี่ปุ่นตอนนี้ไม่ว่าคุณจะไปไหน คุณต้องได้เจอคุมะมง มันตามไปหลอกหลอนคุณทุกที่พร้อมที่จะอินเซ็ปชั่นคุณ
กว่าจะมาถึงวันนี้ได้ ไม่ใช่เพียงว่าความบังเอิญหรอก แต่มันเป็นการสร้างแบรนด์ของจังหวัดคุมาโมโตะที่จริงจังมาก จริงๆ แล้วคุมามงนั้นถือกำเนิดมาตั้งแต่ปี 2010 หรือเมื่อ 5 ปีที่แล้วโน่น ในแคมเปญโปรโมทรถไฟชินคันเซ็นสายคิวชู แต่หลังจากนั้นเพียงไม่นาน ในช่วงปลายปีเจ้าหมีคุมามงตัวนี้ก็กลายมาเป็นที่รู้จักกันทัวญี่ปุ่น เพราะว่าคุมามงได้ถูกรับเลือกเป็นมาสคอตอันดับ 1 ของประเทศญี่ปุ่นด้วยยอดโหวตที่ถล่มทลายถึง 280,000 โหวตเลยทีเดียว
ทำไมคนถึงชอบคุมะมง นั่นก็เพราะว่าการสร้างคาแรคเตอร์ที่ถูกใจคนหลายๆ คน เป็นหมีที่หน้าตาก็นับว่าอยู่ในระดับที่น่ารักเป็นที่ชื่อชอบของเด็ก แต่การกระทำของมันดันตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง เป็นหมีที่นิสัยกวนบาทาอย่างสุดซึ่ง ให้ทำอีกอย่างก็จะทำอีกอย่าง ชอบทำอะไรตลกๆ หรือแม้แต่ไปแกล้งชาวบ้านเขาก็มีบ้างพอขำๆ แต่ก็ยังมีโมเม้นท์ที่ทำอะไรน่ารักๆ อยู่ด้วย ไม่ใช่เกรียนแตกบ้าพลังเหมือนกับเจ้าฟุนัชชี่ เมื่อสองอย่างนี้มันมาผสมกัน ก็เลยเป็นคาแรคเตอร์ที่ถูกใจชาวญี่ปุ่น รวมถึงผู้คนที่อยู่อยู่นอกญี่ปุ่นด้วย
การวางคาแรคเตอร์เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เจ้าคุมะมง ยังเป็นคุมะมงจนถึงวันนี้ คือดูเอามันก็รู้อยู่แล้วล่ะ ว่ามันก็คือมนุษย์ที่ใส่ชุดหมี แต่เขาไม่เคยให้คนอื่นนอกจากทีมงานได้เห็นตอนถอดชุดเลยว่าข้างในชุดหมีนั้นคือใคร แล้วก็ไม่ได้บอกว่าเป็นหมีด้วย ถึงแม้ว่ามันจะชื่อคุมะมง ที่มีคำว่าคุมะที่แปลว่าหมีก็ตาม ซึ่งทางผู้ว่าการจังหวัดคุมาโมโตะได้เคยกล่าวไว้ว่า “คุมะมงไม่ใช่หมี, คุมะมงไม่ใช่คน แต่คุมะมงคือคุมะมง” ซึ่งส่วนนึงเขาก็ไม่อยากที่จะทำลายความฝันของเด็กๆ ด้วย เกิดถอดหัวออกมาแล้วเป็นใครก็ไม่รู้ เด็กๆ ที่ชื่นชอบก็คงจะผิดหวัง
แน่นอนว่าเมื่อคาแรคเตอร์มันเกิด สิ่งที่ต้องตามออกมาติดๆ เหมือนกับเป็นธรรมเนียมกันไปแล้วก็คือการทำ Merchandise หารายได้กันล่ะ งานนี้ทางจังหวัดคุมาโมโตะแกก็คิดต่างไม่เหมือนกับคนอื่น แทนที่จะขายเป็นค่าลิขสิทธิ์ของตัวคุมะมง พี่แกกลับบอกว่า ใครอยากเอาคุมะมงไปใช้ก็เอาไปใช้ได้เลย เพียงแค่กรอกแบบฟอร์มขออนุญาติเท่านั้นก็สามารถใช้ได้แล้ว ซึ่งทางจังหวัดก็กล่าวว่าต้องการที่จะโปรโมทการท่องเที่ยวของจังหวัดเท่านั้นเอง
ในเมื่อคาแรคเตอร์เกิดจนโด่งดัง แถมสามารถเอาคุมะมงไปใช้ได้ฟรีๆ ไม่เสียค่าลิขสิทธิ์ เหล่าผู้ผลิตจำนวนมากก็แห่กันทำสินค้า คุมะมงออกว่าจำหน่ายกันอย่างแพร่หลาย เพราะคิดว่ายังไงมันก็ขายได้เนื่องจากคุมะมงได้ขโมยหัวใจของชาวญี่ปุ่นไปแล้วหลายคน งานนี้วินๆ ทั้งสองฝ่าย คนขายก็ได้เงิน แถมจังหวัดคุมาโมโตะก็ได้โปรโมททั่วญี่ปุ่นลามออกนอกประเทศไปในตัว ซึ่งตอนนี่หากใครได้ไปญี่ปุ่น ไม่ว่าจะที่ไหนคุณต้องได้เห็นคุมะมง ทุกที่มีคุมะมง จนขนาดชาวญี่ปุ่นเองยังบอกว่าน่าสะพรึง ไปไหนก็มีแต่คุมะมงตามไปคอยหลอกหลอน
เมื่อสองปีล่าสุด ทางธนาคารกลางของญี่ปุ่นได้ประเมินไว้ว่า สินค้าคุมะมงสร้างรายได้อย่างมากมายถึง 123.2 ล้านเยน หรือประมาณเกือบ 37 ล้านบาท เรียกได้ว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากเลยทีเดียว แต่สำหรับเราๆ เรื่องเงินๆ ทองๆ หรือว่าธุรกิจนั้นช่างมันไปก่อน อย่างน้อยเจ้าคุมะมงก็ทำให้เรายิ้มได้ ทำให้เรารักเราชอบ แค่นี้ก็แฮปปี้แล้วล่ะเนอะ ^ ^
ภาพประกอบจาก
lmaga.jp
kumamon-official.jp
blogs.yahoo.co.jp
mag.sendenkaigi.com
realtime.wsj.com
กว่าจะมาถึงวันนี้ได้ ไม่ใช่เพียงว่าความบังเอิญหรอก แต่มันเป็นการสร้างแบรนด์ของจังหวัดคุมาโมโตะที่จริงจังมาก จริงๆ แล้วคุมามงนั้นถือกำเนิดมาตั้งแต่ปี 2010 หรือเมื่อ 5 ปีที่แล้วโน่น ในแคมเปญโปรโมทรถไฟชินคันเซ็นสายคิวชู แต่หลังจากนั้นเพียงไม่นาน ในช่วงปลายปีเจ้าหมีคุมามงตัวนี้ก็กลายมาเป็นที่รู้จักกันทัวญี่ปุ่น เพราะว่าคุมามงได้ถูกรับเลือกเป็นมาสคอตอันดับ 1 ของประเทศญี่ปุ่นด้วยยอดโหวตที่ถล่มทลายถึง 280,000 โหวตเลยทีเดียว
ทำไมคนถึงชอบคุมะมง นั่นก็เพราะว่าการสร้างคาแรคเตอร์ที่ถูกใจคนหลายๆ คน เป็นหมีที่หน้าตาก็นับว่าอยู่ในระดับที่น่ารักเป็นที่ชื่อชอบของเด็ก แต่การกระทำของมันดันตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง เป็นหมีที่นิสัยกวนบาทาอย่างสุดซึ่ง ให้ทำอีกอย่างก็จะทำอีกอย่าง ชอบทำอะไรตลกๆ หรือแม้แต่ไปแกล้งชาวบ้านเขาก็มีบ้างพอขำๆ แต่ก็ยังมีโมเม้นท์ที่ทำอะไรน่ารักๆ อยู่ด้วย ไม่ใช่เกรียนแตกบ้าพลังเหมือนกับเจ้าฟุนัชชี่ เมื่อสองอย่างนี้มันมาผสมกัน ก็เลยเป็นคาแรคเตอร์ที่ถูกใจชาวญี่ปุ่น รวมถึงผู้คนที่อยู่อยู่นอกญี่ปุ่นด้วย
การวางคาแรคเตอร์เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เจ้าคุมะมง ยังเป็นคุมะมงจนถึงวันนี้ คือดูเอามันก็รู้อยู่แล้วล่ะ ว่ามันก็คือมนุษย์ที่ใส่ชุดหมี แต่เขาไม่เคยให้คนอื่นนอกจากทีมงานได้เห็นตอนถอดชุดเลยว่าข้างในชุดหมีนั้นคือใคร แล้วก็ไม่ได้บอกว่าเป็นหมีด้วย ถึงแม้ว่ามันจะชื่อคุมะมง ที่มีคำว่าคุมะที่แปลว่าหมีก็ตาม ซึ่งทางผู้ว่าการจังหวัดคุมาโมโตะได้เคยกล่าวไว้ว่า “คุมะมงไม่ใช่หมี, คุมะมงไม่ใช่คน แต่คุมะมงคือคุมะมง” ซึ่งส่วนนึงเขาก็ไม่อยากที่จะทำลายความฝันของเด็กๆ ด้วย เกิดถอดหัวออกมาแล้วเป็นใครก็ไม่รู้ เด็กๆ ที่ชื่นชอบก็คงจะผิดหวัง
ขนาดสมเด็จพระจักรพรรดิทรงพระราชปุจฉา ทางผู้ว่าการยังคงขอไม่ตอบคำถาม เพราะไม่อยากทำลายความฝันเด็กๆ
แน่นอนว่าเมื่อคาแรคเตอร์มันเกิด สิ่งที่ต้องตามออกมาติดๆ เหมือนกับเป็นธรรมเนียมกันไปแล้วก็คือการทำ Merchandise หารายได้กันล่ะ งานนี้ทางจังหวัดคุมาโมโตะแกก็คิดต่างไม่เหมือนกับคนอื่น แทนที่จะขายเป็นค่าลิขสิทธิ์ของตัวคุมะมง พี่แกกลับบอกว่า ใครอยากเอาคุมะมงไปใช้ก็เอาไปใช้ได้เลย เพียงแค่กรอกแบบฟอร์มขออนุญาติเท่านั้นก็สามารถใช้ได้แล้ว ซึ่งทางจังหวัดก็กล่าวว่าต้องการที่จะโปรโมทการท่องเที่ยวของจังหวัดเท่านั้นเอง
ในเมื่อคาแรคเตอร์เกิดจนโด่งดัง แถมสามารถเอาคุมะมงไปใช้ได้ฟรีๆ ไม่เสียค่าลิขสิทธิ์ เหล่าผู้ผลิตจำนวนมากก็แห่กันทำสินค้า คุมะมงออกว่าจำหน่ายกันอย่างแพร่หลาย เพราะคิดว่ายังไงมันก็ขายได้เนื่องจากคุมะมงได้ขโมยหัวใจของชาวญี่ปุ่นไปแล้วหลายคน งานนี้วินๆ ทั้งสองฝ่าย คนขายก็ได้เงิน แถมจังหวัดคุมาโมโตะก็ได้โปรโมททั่วญี่ปุ่นลามออกนอกประเทศไปในตัว ซึ่งตอนนี่หากใครได้ไปญี่ปุ่น ไม่ว่าจะที่ไหนคุณต้องได้เห็นคุมะมง ทุกที่มีคุมะมง จนขนาดชาวญี่ปุ่นเองยังบอกว่าน่าสะพรึง ไปไหนก็มีแต่คุมะมงตามไปคอยหลอกหลอน
เมื่อสองปีล่าสุด ทางธนาคารกลางของญี่ปุ่นได้ประเมินไว้ว่า สินค้าคุมะมงสร้างรายได้อย่างมากมายถึง 123.2 ล้านเยน หรือประมาณเกือบ 37 ล้านบาท เรียกได้ว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากเลยทีเดียว แต่สำหรับเราๆ เรื่องเงินๆ ทองๆ หรือว่าธุรกิจนั้นช่างมันไปก่อน อย่างน้อยเจ้าคุมะมงก็ทำให้เรายิ้มได้ ทำให้เรารักเราชอบ แค่นี้ก็แฮปปี้แล้วล่ะเนอะ ^ ^
ภาพประกอบจาก
lmaga.jp
kumamon-official.jp
blogs.yahoo.co.jp
mag.sendenkaigi.com
realtime.wsj.com
