แผ่นดินไหวกับหัวใจของคนญี่ปุ่น

ไม่นานมานี้ แผ่นดินไหวที่มีความรุนแรงพอสมควรได้เกิดขึ้น ณ เกาะคิวชู ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งมหาวิทยาลัยที่ผู้เขียนเรียนจบมา ทำให้เหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งนี้ให้ความรู้สึกว่าอยู่ใกล้ตัวมากกว่าครั้งไหนๆ คนรู้จักทั้งรุ่นพี่รุ่นน้องต่างอัพเดทสเตตัสบนเฟสบุ๊คและแชร์ข่าวกัน หลังจากที่ได้อ่านความรู้สึกของหลายๆคน ทำให้รู้สึกว่ามันมีบางอย่างเชื่อมโยงอยู่กับนิสัยของคนญี่ปุ่น


เมื่อเราต้องเจอกันบ่อยๆ


คนญี่ปุ่นที่เขาว่ากันว่าชอบพูดดีๆเพียงเพื่อเป็นมารยาท พูดเอาใจฝ่ายตรงข้ามเฉยๆ ไม่ได้จริงใจ จริงๆแล้วมันอาจเป็นเพราะว่าเขามีกันอยู่แค่นั้น เกิดแผ่นดินไหวรุนแรงบ่อยๆ ก็ต้องเจอหน้ากันบ่อยๆ จะมาพูดอะไรตรงๆ หักหาญน้ำใจ  บอกฉันเกลียดขี้หน้าเธอตรงๆ มันก็คงทำไม่ได้ พอมีแผ่นดินไหวขึ้นมาก็ต้องออกมาอยู่รวมๆ กัน คอยช่วยเหลือกัน มาเจอหน้ากันในสถานที่ลี้ภัยนานเป็นสัปดาห์หรืออาจจะเป็นเดือน ถ้ามีปัญหากันคงจะต้องลำบากแน่ๆ เลยเลือกที่จะรักษาน้ำใจกันอยู่เสมอ


สุดท้ายแล้วมันก็เหลือแค่พวกเรา


ประเทศนี้เขาเจ็บมาเยอะ มันก็คงไม่แปลกที่เขาดูจะมีนิสัยปิดกั้นไปบ้าง เกิดอะไรมาเขาก็ต้องช่วยกันเอง เพราะมันก็ประเทศเขา จะหนีทิ้งไปเพราะว่ามันน่ากลัวก็ไม่ได้ คนต่างชาติหลายคนในพื้นที่ที่เคยเรียกร้องให้คนญี่ปุ่นเปิดใจ พอเกิดแผ่นดินไหวก็ทำทุกวิถีทางเพื่อให้ตัวเองออกไปพ้นๆ จากที่ตรงนั้น บางคนหนีไปอยู่อีกจังหวัดหนึ่ง หลายคนรีบขึ้นเครื่องบินกลับประเทศไปเลยก็มี บางคนบอกว่าไม่อยากจะอยู่ต่อแล้วกลัว ลองนึกในทางกลับกันถ้าเราเป็นคนญี่ปุ่นเราจะรู้สึกแบบไหน? เราคงจะรู้สึกว่าสุดท้ายเกิดอะไรขึ้นมา คนที่เหลืออยู่แล้วคอยดูแลกัน มันก็มีแต่พวกคนญี่ปุ่นด้วยกันเองสินะ… ในเมื่อหนีไปไหนไม่ได้แบบคนอื่น เพราะที่นี่มันคือแผ่นดินบ้านเกิด ก็ต้องทำอะไรทดแทนข้อเสียตรงนี้ คนญี่ปุ่นเลยมีความพยายามสูงที่จะต่อสู้ดิ้นรนเพื่อพัฒนาให้มีอะไรดีๆ เพื่อที่จะได้มีชีวิตดีๆและสุขสบายบนผืนแผ่นดินที่น่ากลัวแห่งนี้


ทุกคนก็ลำบากเหมือนกัน อย่าเพิ่มภาระให้คนอื่นเลย


ไม่นานมานี้รุ่นพี่คนญี่ปุ่นในบริษัทเพิ่งสอนมาว่าชีวิตตัวเองก็ต้องดูแลด้วยตัวเอง ทุกวินาทีมีความเสี่ยง เธอต้องทำตามกฎเพราะถ้าไม่ทำมันก็หมายถึงความไม่ปลอดภัยทั้งต่อตัวเธอเองและคนอื่น ความคิดนี้คงมีที่มาจากความคิดที่ว่า คนอื่นก็ลำบากเหมือนกัน อย่าทำตัวเองให้เป็นภาระคนอื่นเพิ่มในยามภัยพิบัติเลย รักษาตัวเองไว้ดีๆ แล้วถึงจะมีแรงไปช่วยเหลือคนอื่น


เพราะสิ่งที่ไม่แน่นอนทำให้เจ็บปวดไปถึงขั้วหัวใจอยู่เสมอ


มีคนบอกว่าการทำนายแผ่นดินไหวว่าจะเกิดเมื่อไหร่ยังไงคือการเดาเอาล้วนๆ ไม่สามารถบอกได้แน่นอน100% ที่ออกข่าวกันมา คือการอ้างอิงจากประวัติในอดีตที่เคยเกิดแผ่นดินไหว มาทำนายการเกิดแผ่นดินไหวในอนาคต นี่ก็อาจเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้คนญี่ปุ่นจริงจังกับชีวิตและเข้มงวดกันเหลือเกินเพราะเขาไม่รู้ว่าชีวิตวันพรุ่งนี้จะเป็นยังไง อาจจะไม่มีวันพรุ่งนี้สำหรับเขา เวลาทำอะไรเลยต้องจริงจังและทุ่มเทสุดตัว นอกจากนั้นคนญี่ปุ่นยังมีนิสัยชอบวางแผนให้แน่นอนเพราะคงพยายามจะลบคำว่า "คาดเดา" และ "แก้ไขในภายหลัง" ออกไป การที่ทำได้แค่คาดเดาเรื่องแผ่นดินไหว แล้วต้องมาแก้ไขซ่อมแซมสิ่งที่พังทลายซึ่งมีทั้งสิ่งของและหัวใจของผู้คนนั้น มันไม่ได้ง่ายดายเลย... ความรู้สึกนี้มันคงจะฝังอยู่ในใจของคนญี่ปุ่นลึกๆ อยากให้ทุกเรื่องเป็นเรื่องที่รู้แน่นอนล่วงหน้า และไม่มีผลกระทบตามมาที่ต้องมาคอยนั่งแก้ไข จึงให้ความสำคัญกับการวางแผนในทุกรายละเอียดและคำนึงถึงความผิดพลาดที่อาจจะเกิดขึ้นได้ พร้อมเตรียมแนวทางการรับมือไว้ การเตรียมการจะประชุมกันเยอะมาก แก้แผนแล้วแก้แผนอีกจนกว่าจะได้แผนที่ดีที่สุด ซึ่งบางครั้งคนนอกก็มองว่ามากเกินไป


ถึงแม้ว่าแผ่นดินไหวจะมอบความเจ็บปวดให้กับคนญี่ปุ่นมากมาย แต่ว่ามันก็ทำให้คนญี่ปุ่นนั้นรักกันมากขึ้นและเป็นคนที่อดทนเข้มแข็งมากกว่าเดิม อุปสรรคและความเจ็บปวดมันเป็นสิ่งที่เราหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่การกระทำของเราที่ตอบโต้กับมันจะเป็นตัวกำหนดว่าเราจะกลายเป็นคนที่ดีขึ้นหรือแย่ลง


บทความโดย ละมุนชมพู